วันอังคารที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2554

10 แนวโน้มสำคัญที่จะเกิดขึ้นบนโลกไอที ในปี 54

10 แนวโน้มสำคัญที่จะเกิดขึ้นบนโลกไอที ในปี 54

ไอดีซีคาด การเติบโตของบริษัทต่างๆ ในเอเชียจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านไอซีที ในปี 2554 เชื่อแอปพลิเคชัน Socialytics เป็นเรื่องเด่นในการคาดการณ์ 10 อันดับแนวโน้มที่สำคัญในปี 2554

บริษัทวิจัยตลาดไอดีซี (International Data Corperation) คาดการณ์ 10 แนวโน้มสำคัญของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยกเว้นญี่ปุ่น ในปี 2554 การดำเนินธุรกิจของภูมิภาคเอเชียและมุมมองด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) นั้นจะยังคงถูกเน้นหนักไปที่ภาพของการเติบโตอย่างยั่งยืน หรือในบางกรณีมีอัตราการเติบโตในระดับสูง ด้วยเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนส่งผลให้เกิดการแปลงสภาพของอุตสาหกรรม ไอซีที ตามลำดับ และยังเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดการใช้งานกันอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น

ต่อไปนี้คือ 10 อันดับแนวโน้มด้านไอซีทีที่สำคัญในปี 2554 ที่ไอดีซีเชื่อว่าจะเป็นแนวโน้มสำคัญที่ส่งผลกระทบตลาดไอซีทีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

1. แอปพลิเคชั่น Socialytic จะเปลี่ยนตลาด

ในปี 2554 Social media และ Business analytical จะทำงานร่วมกันอย่างกลมกลืน ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มให้มีใช้แอปพลิเคชันใหม่ๆ ภายในองค์กร โดยแอปพลิเคชันทางธุรกิจทุกประเภทจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงพื้นฐานของระบบโครงการสร้างการทำงาน ด้วยการรวมซอฟต์แวร์ด้าน Social/Collaboration และงานด้านการวิเคราะห์ เข้าไปเป็นหน่วยหนึ่งในแอปพลิเคชันทางธุรกิจที่ใช้งานมาดั้งเดิม ในปี 2554

2. Mobilution - Mobility จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาดไอที

สิ่งที่เราเรียกว่า “มหาพายุ (Perfect storm)” ซึ่งเกิดจากวิวัฒนาการของเทคโนโลยีหลายประเภทที่รวมตัวกัน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในเรื่องโมบิลิตี้ แท็บเล็ต มีเดียแท็บเล็ต อย่างไอแพด และสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ สามารถทำงานด้านซอฟต์แวร์ หรือเซอร์วิสได้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้เทคโนโลยี Cloud Computing ในปัจจุบัน ทำให้เราพบว่าระบบไอทีต่างๆ กำลังจะเริ่มให้บริการในรูปแบบที่เป็นเวอร์ชวลไลซ์มากขึ้น โดยจะลดความสำคัญของงานประมวลผลที่ติดตั้งอยู่ในอุปกรณ์ สิ่งนี้จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่าง กลายเป็น Mobile อย่างจริงจัง และในปี 2554 จะเป็นปีที่หลายๆ หน่วยงานให้ความสำคัญญกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง

3.“จ่ายน้อยยุ่งยากน้อย Less for Less” - พอร์ทัลสำหรับให้ลูกค้าใช้บริการด้วยตนเองจะเป็นหัวหอกในการนำเสนอบริการราคาประหยัดที่ยึดเอาลูกค้าเป็นตัวตั้ง

การมองลูกค้าเป็นตัวตั้ง - การปรับเปลี่ยนสินค้าหรือบริการไปตามสภาพของตลาดที่เปลี่ยนไป จะกลายเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดสำหรับองค์กร ในขณะเดียวกันผู้คนก็จะเห็นแนวคิดหรือวิถีชีวิตที่มาจากคน Gen-Y เพิ่มขึ้นในโลกของธุรกิจอีกด้วย ด้วยแรงขับเคลื่อนจากสองสิ่งนี้ในสภาพแวดล้อมของการทำงาน บทบาทของการให้บริการด้วยตนเอง (Self-service) ที่เป็นการใช้งานผ่านเว็บไซต์จะกลายเป็นเรื่องสำคัญ จากแนวคิดของ “จ่ายน้อยยุ่งยากน้อย” หมายถึงค่าใช้จ่ายที่น้อยสำหรับการใช้บริการที่จะเกิดขึ้นสำหรับลูกค้าผู้ใช้บริการ ที่ไม่มีความซับซ้อนต่อการใช้บริการ ง่ายต่อการให้บริการดูแลลูกค้า ซึ่งไอซีทีจะมีบทบาทที่สำคัญในเรื่องของบริการด้วยตนเองที่ “จ่ายน้อยยุ่งยากน้อย” ที่ใช้แนวคิดลูกค้าเป็นตัวตั้ง

4. Analytics จะช่วยเร่งการติดตามพฤติกรรมการบริโภคในเอเชีย

การแข่งขันที่คาดว่าจะทวีความเข้มข้นในเอเชียในอีก 3-5 ปีข้างหน้า กำลังมุ่งเข้าตลาดในภูมิภาคนี้ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต จากเหตุผลในเรื่องของความสามารถในการพัฒนาวิธีการตัดสินใจและช่วยส่งเสริมให้รายได้เพิ่มขึ้นสูงขึ้น การวิเคราะห์ด้านธุรกิจถูกคาดว่าจะเคลื่อนเข้าสู่ระยะกลางสำหรับบรรดาซีไอโอ ในปี 2554 เมื่อเทคโนโลยีนี้กำลังถูกมองว่าเป็นตัวช่วยให้องค์กรต่างๆ เพื่อความสามารถในการแข่งขันได้

5. iPad จะได้รับความสนใจอย่างแพร่หลายในเรื่อง Client Virtualization

ด้วยกระแสความนิยม iPad ในปี 2533 ส่งผลให้ซีไอโอของแต่ละองค์กรกำลังถูกเชิญชวนโดยผู้บริหารระดับสูงของ Apple เพื่อโน้มน้าวให้ผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลสามารถเชื่อมต่อเข้าไประบบไอทีขององค์กร และสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นความลับได้ ทั้งที่ซีไอโอกำลังกังวลว่ามีโอกาสที่อาจจะมีปัญหาในเรื่องความเสี่ยงต่างๆ

เพราะเหตุนี้โซลูชันทางเลือกที่เป็นไปได้ทางหนึ่งคือการใช้ Client Virtualization ด้วยการสร้างช่วงของการใช้งานที่เป็นเวอร์ชวลไลซ์ ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าไปใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงระบบปฏิบัติการ อีกทั้งยังสามารถสร้างความมั่นใจให้กับซีไอโอว่าพวกเขาจะรู้ได้ว่าข้อมูลต่างๆ ขององค์กรนั้นมีความปลอดภัย เรื่องนี้เป็นไปได้ว่าจะใช้เวลาอีกหลายปีในการดำเนินการ แต่ไอดีซีคาดว่าการใช้งานอย่างแพร่หลายของ Client Virtualization จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

6. การให้บริการและการจัดตั้งสมาพันธ์จะเป็นตัวโน้มน้าวให้เกิดการใช้งาน Cloud ในระดับองค์กร

การเริ่มต้นของเทคโนโลยีและบริการ Private Cloud สำหรับองค์กรขนาดกลางและขนาดใหญ่จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2554 เนื่องจาก ความกังวลเกี่ยวกับระบบความปลอดภัย ความเสถียร และประสิทธิภาพของบริการ Public Cloud ไอดีซี คาดว่า ความสามารถในการผสานรวมแอปพลิเคชันหรือบริการจากคลาวด์กับแอปพลิเคชัน หรือบริการจากหน่วยงานไอทีขององค์กรหรือกับบริการจากผู้ให้บริการคลาวด์ อีกรายหนึ่งนั้นจะเป็นได้ทั้งแรงบวกหรือลบสำหรับการนำคลาวด์มาใช้ในองค์กร

ยกตัวอย่างเช่น หากบริษัทต่างๆ ในเอเชียจะใช้บริการคลาวด์ ที่จะเน้นไปที่โซลูชันที่ใช้งานตามความต้องการเฉพาะเรื่องมากกว่าที่จะใช้งานแบบ “ถอดทิ้งและแทนที่ใหม่” มันจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าแอปพลิเคชันที่ใช้งานในปัจจุบันกับแอปพลิเคชันของ คลาวด์จำเป็นจะต้องผนวกเข้าด้วยกัน ถ้าหากปราศจากการผสานรวมกันแล้ว มันจะเป็นเรื่องยากที่จะบรรลุถึงวัตถุประสงค์ในเรื่องผลตอบแทนการลงทุน (ROI)

7. องค์กรธุรกิจที่ทันสมัยจะเริ่มทำแค๊ตตาล๊อกบนพื้นฐานเกี่ยวกับไอที (Catalog-Based IT)

จากการที่เศรษฐกิจของภูมิภาคนี้ได้กลับมาฟื้นตัวและธุรกิจต่างๆ ก็กำลังเติบโต ผู้ใช้งานจะเริ่มมีความต้องการใช้ทรัพยากรด้านไอทีมากขึ้น การจัดหาทรัพยากรคอมพิวเตอร์มาให้ได้แบบปัจจุบันทันด่วนกำลังกลายเป็นความต้องการที่เหมือนจะเป็นข้อบังคับภายในองค์กร จะถูกคาดหวังให้สนับสนุนความต้องการใช้งานเฉพาะหน้าที่ ส่วนมากจะเป็นแบบปัจจุบันทันด่วน หนทางเดียวที่จะตอบสนองต่อความคาดหวังเรื่องต่างๆ เหล่านี้ได้คือการติดตาม และการเตรียมพร้อมในเรื่องทรัพยากรด้านไอที ผ่านแคตตาล๊อกบนพื้นฐานไอที (catalog-based IT)

ไอดีซีคาดว่า มากกว่าร้อยละ 50 ขององค์กรธุรกิจสัญชาติเอเชียขนาดกลางถึงใหญ่ กำลังถูกสั่งให้สร้างแคตตาล๊อกบนพื้นฐานไอซีที ในปี 2554

8. Business-as-a-Service เป็นคำตอบสำหรับการผสานระหว่างไอทีกับธุรกิจเข้าด้วยกัน?

Business-as-a-Service เป็นการนำเสนอบริการที่เน้นไปในเรื่องของขั้นตอนดำเนินธุรกิจมากกว่าการนำเทคโนโลยีเข้ามาแทนที มันเป็นแนวโน้มที่แสดงถึงความสำคัญและผลกระทบที่ไม่ใช่แค่เรื่องไอทีเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงเรื่องการเอ้าซอร์สขั้นตอนการดำเนินธุรกิจทั้งหมด ดังนั้น Business-as-a-Service จึงถูกคาดหมายว่าจะเป็นสิ่งที่นำแสงแห่งความหวังในการจับคู่ระหว่างไอที และธุรกิจ ให้กลายเป็น “หนึ่งเดียวกัน” เพื่อแข่งขันได้อย่างมั่นใจในตลาดเอเชียแปซิฟิก ไอดีซีเชื่อว่าแนวโน้มดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และจะเป็นสิ่งที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในปี 2554

9. ผู้ให้บริการโทรคมนาคมจะหันกลับมาตลาดไอที

Cloud ยังคงถูกพูดถึงจนถึงทุกวันนี้ เป็นหนึ่งในยุคของเทคโนโลยีซึ่งจะช่วยให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมครองตลาดได้ เนื่องจากมันเป็นข้อได้เปรียบที่ติดมาจากการเป็นเจ้าของระบบโครงข่ายการติดต่อสื่อสาร ซึ่งสิ่งนี้เรื่องจำเป็นที่สำหรับการให้บริการ Cloud ทั้งหมด

ไอดีซี เชื่อว่าองค์กรส่วนใหญ่จะมุ่งพัฒนาไปสู่รูปแบบคลาวด์ที่เป็นลูกผสม โดยที่บริษัทหลายแห่งชอบที่จะปกป้องทรัพย์สินของตนเองโดยเฉพาะงานหรือแอพพลิเคชันที่มีความสำคัญต่อองค์กรไว้ภายใน Private Cloud ที่ลงทุนเอง ไอดีซีเชื่อว่าผู้ให้บริการโทรคมนาคมจะไม่หันหลังให้กับโอกาสสำหรับโซลูชันไพรเวท คลาวด์ที่องค์กรต่างๆ จะลงทุนเอง ตลาดนี้คาดว่าจะมีมูลค่าราว 752 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2554 และคาดว่าจะสูงถึง 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2557

10. ผู้ให้บริการโทรคมนาคมจะมองหาเทคโนโลยี Cloud เพื่อใช้ในการดำเนินงาน

ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตกำลังเร่งนำเสนอบริการ Cloud ให้กับผู้ใช้งานที่เป็นบุคคลทั่วไปหรือองค์กรธุรกิจ แต่กลับมีกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมย่อยที่เกิดใหม่และน่าจับตามอง ซึ่งเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และบริการไอที โดยผู้จัดหาอุปกรณ์เครือข่ายกำลังจัดหาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ให้กับผู้ให้บริการโทรคมนาคม ซึ่งจะทำหน้าที่ในการแปลงผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี หรือการให้บริการเหล่านี้ไปสู่การให้บริการคลาวด์ ที่ให้ผลตอบแทนกลับมาเป็นตัวเงินได้

รูปแบบการให้บริการคลาวด์ที่นำเสนอในลักษณะที่ไม่ใช่เป็นแบบ “ผู้ให้บริการหนึ่งรายต่อลูกค้าหลายราย” ซึ่งมักจะเป็นเรื่องที่อยู่ในใจเสมอเมื่อกำลังพูดถึงบริการคลาวด์ที่ผู้ให้บริการโทรคมนาคม โดยทั่วไปแล้วมักลังเลเป็นอย่างมากที่จะแชร์เซิฟเวอร์เดียวกันกับคู่แข่งของเขา เพื่อขจัดปัญหาเช่นนั้น ผู้จัดหาอุปกรณ์เครือข่าย กำลังมองหาแนวทางในการนำเสนอบริการเหล่านี้ในลักษณะ Hosted Private Cloud ซึ่งจะมีการจัดสรรโครงสร้างพื้นฐานตามตรรกะตามผู้ให้บริการโทรคมนาคมแต่ละราย ด้วยทิศทางในอนาคตที่จะมุ่งไปสู่การมีโครงสร้างพื้นฐานของ cloud ที่เสมือนจะแยกกันอย่างชัดเจน จะทำให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมทั้งหลายจะรู้สึกสบายใจมากขึ้นในเรื่องของแนวคิดการใช้งานร่วมกัน


ที่มา
http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9530000175183